วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

งอนจนหน้าบู้



22-09-16


งอนไมค์เรื่องอะไรไม่รู้
ไมค์ก็ไม่ง้อ รู้ทั้งรู้ว่างอน ยังไม่ง้ออีก :(

ตอนมาส่งหน้าบ้าน
ง้อ....


ด้วยการ บีบแก้มเรา




ไม่มีคำพูดใด ๆ
แต่ หายโกรธซะงั้น 555


.....

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

ในความโชคร้าย ยังคง มีความโชคดี



20-09-16


ภูมิแพ้ โรค ๆ นี้ อยู่กับเรามาตั้งแต่จำความได้

ตอนเด็ก เรารู้สึกว่า อาการจะแสดงออกมากกว่าตอนนี้นะ
แต่ พักหลัง ชักไม่แน่ใจแล้วว่า ตอนเด็ก หรือ ตอนนี้ ตอนไหนที่อาการหนักกว่ากัน ?!!!


ตอนเด็ก

ทุกวันตอนเช้าหลังตื่นนอน...
ตาแฉะ น้ำตาไหล ตาแดง ตาบวม ลืมตาไม่ขึ้นเลย

มักคันขอบตาล่าง
และ มักมีเม็ดใส ๆ เหมือนเม็ดข้าวสารที่ขอบตาเสมอ
เราชอบรอให้มันสุก จนแข็ง และแกะมันออก
ขอบตาจะกลายเป็นหลุมไป 2-3 อาทิตย์เลยกว่าจะหายเป็นปกติ
ชอบอ่ะ แอบโรคจิต (ห้าห้าห้า)

ก่อนนอน... (ทุกวัน)
คัดจมูก หายใจไม่ออก
VICK คือ เพื่อนคู่คิด ป้ายเข้าไป อัดเข้าไปในรูจมูก
นอนนี่ ... เอาหัวหนุนหมอนข้าง หงายหัวไปด้านหลังให้หัวลงต่ำกว่าคางตลอด
ไม่งั้นจะหายใจไม่ได้เลย

แสดงอาการแบบนี้จนถึงช่วงอายุประมาณ 14-15 ปี
อาการก็ค่อย ๆ น้อยลง ๆ จนแทบไม่เป็นอะไรเลย
จะมีแสดงอาการอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มาก
เช่น หากอยู่ในที่อากาศเย็นเกิน อย่างในห้องแอร์
เราจะแสบจมูกมาก ๆ จนแทบทนไม่ได้
ต้องเอามือมาป้องจมูก แล้วเป่าลมอุ่น ๆ จากปากใส่มือ
เพื่อลดความเย็นที่จมูก และจะแสบจมูกน้อยลง

ผงชูรส

ตั้งแต่จำความได้อีกเช่นกัน
ถ้าร้านอาหารร้านไหนใส่ผงชูรสมากเกินกว่าที่ร่างกายเราจะรับได้
เราจะปวดท้องมาก มันไม่เหมือนปวดโรคกระเพราะนะ
ปวดแบบ บอกไม่ถูกเลย
อาการจะแสดงหลังกินอาหารประมาณ 10 นาที
ซัก 30 นาที อาการก็จะหายไป
ร้านไหนที่กินแล้วปวดท้อง ก็จะปวดทุกครั้ง


.....



ตอนนี้


อาการตาแฉะ ตาบวม หลังจากตื่นนอน แทบจะไม่มีแล้ว
นาน ๆ จะเป็นซักครั้ง

อาการคันขอบตา
ยังเป็นอยู่บ่อย ๆ
แต่เม็ดใสที่ขอบตา 2-3 ปี จึงจะเป็นซักครั้งนึง

แสบจมูกเมื่ออยู่ในที่อากาศเย็น
อาการเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

ผงชูรส ยังคงแสดงอาการเช่นเดิม
แต่ทีเพิ่มเติมคือ อาการหนักกว่าตอนเด็ก
นอกจากปวดท้องแล้ว เราจะปวดตามกระดูกแขนและกระดูกขาด้วย
ปวดแบบบอกไม่ถูก
บางครั้งกินอาหารร้านที่ไม่เคยกินมาก่อน
ถึงขั้น ปวดกระดูกจนมือและเท้าสั่นเลย

กุ้ง
เราคิดว่า น่าจะเป็นเปลือกกุ้งมากกว่า
เพราะ ไม่ได้แพ้ทุกครั้ง
และ เพิ่งแสดงอาการแพ้เมื่อ 3-4 ปีหลังมานี้เอง
ก่อนหน้านี้ไม่เคยแพ้
อาการคือ
หลังกินกุ้งประมาณ 10 นาที
จะมีลมพิษขึ้นบริเวณหัว
เฉพาะหัวนะ
หัว คือ ทั้งหมดตั้งแต่หัวไหล่ขึ้นไป คือจุดที่แสดงอาการ
ส่วนอื่นของร่างกาย ปกติทุกอย่าง
ประมาณ 30 นาที ทุกอย่างจึงกลับสู่สภาวะปกติ

คาเฟอีน
ตัวนี้ น้องใหม่ล่าสุดเลย
เพิ่งแสดงอาการปีที่แล้ว
กินปุ๊บ ผื่นขึ้นเต็มหน้าเลย T^T
ชาเขียว ชาดำเย็น ชานมไข่มุก ชาจีน สารพัดชา
รวมถึงน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน แสดงอาการหมด
โบ๊กมือบ๊ายบายได้เลย (เซ็ง)

ฝุ่น
แพ้หนักมากกกกกกกกกกก... (ก.ไก่ ล้านตัว)
สูดฝุ่นเข้าไป บางทีไม่ทันรู้ตัว ถ้าเกินร่างกายรับไหว
ไม่เกิน 15 นาที รู้เรื่อง !!!
น้ำมูกใสแจ๋วเริ่มมา คือ มาแบบไม่หยุด
สูดไม่ได้เลยเพราะใสมาก
ต้องใช้กระดาษทิชชู่ม้วน ๆ แล้วยัดเข้าไปในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง
หายใจทางปาก หลังจากนั้น หาผ้าปิดจมูกมาใส่ทำงาน

และการจามติดต่อกันแบบนอนสต๊อบจะมาเยือน
เราเคยนับครั้งในการจาม
มากสุดในชีวิต ที่จามติดต่อกัน
แบบไม่ต้องทำอะไรเลย คือ 58 ครั้ง
เรียกได้ว่า ตั้งหลัก ตั้งสติ ตั้งหน้า ตั้งตา จาม อย่างเดียวเลย

พอมาคิด ๆ ดู ตลกตัวเองอ่ะ
จะมีซักกี่คน ที่จามติดต่อกันแบบ รัว ๆ ได้ 58 ครั้ง พระเจ้า !!!

กลิ่นฉุน กลิ่นแรง
เช่น กลิ่นน้ำหอม กลิ่นตัว ของคนที่ไม่ถูกจริตกัน
หรือ เรียกว่า เป็นกลิ่นที่ไม่ชอบ
อาการก็จะแสดงเหมือนตอนแพ้ฝุ่น
อ้อ ควันบุหรี่ ก็แพ้

แชมพู สบู่ ของผู้ใหญ่ ทุกชนิด ทุกประเภท ทุกยี่ห้อ
อย่าว่าแต่แชมพูและสบู่ของผู้ใหญ่เลย
แชมพูหรือสบู่เด็กบางยี่ห้อ เราก็แพ้
ผื่นขึ้นทั่วหน้าทั่วตัวไปหมด ใช้ได้แต่ โคโดโมะ
แชมพูโคโดโมะ นี่ ก็ต้องสูตรที่แชมพูเจลสีเหลืองนะ
ถ้าสูตรเจลใสแบบไม่มีสี อิป้าแพ้ค่ะ

แชมพู สบู่ มาแล้ว ยาสีฟัน ก็เลยร่วมขบวนมาด้วย
จากที่เคยใช้ยาสีฟันผู้ใหญ่ปกติ เซนโซดายไรงี้
อยู่ดีดีก็แพ้ ปากลอก ผื่นขึ้นรอบวงปาก
สรุป ทุกวันนี้ ป้าใช้โคโดโมะแปรงฟันค่ะ
รสส้ม สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ สลับกันไป อร่อยเลยเชียว

ครีมบำรุงผิว ... โอ้ยยยย เลิกพูด
ไม่มีวันได้เงินจากกระเป๋าอิป้าเด็ดขาด
อยากจะใช้ครีมทาหน้าดีดี ลดรอยเหี่ยวย่น ตีนกา ไรงี้
อย่าหวัง สวรรค์เค้าสร้างมาให้ป้าแก่ไปตามวัยค่ะ
งดบำรุงทุกชนิดค่ะ ... ตามนั้น
ไม่มีการบำรุงผิวหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น
มิเช่นนั้น ผื่นค่ะ บุกแบบไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว

ยังโชคดีนะ ที่เราค้นพบครีมรองพื้นอยู่ยี่ห้อนึง ไม่แพ้
ใช้มา 12 ปีแล้ว เคยแอบนอกใจไปใช้ยี่ห้ออื่น
โอ้โห.... นรกมีจริง (ห้าห้าห้า)
กลับมาตายรังที่ยี่ห้อเดิม
แพงแค่ไหน ดีแค่ไหน  อิป้าก็ไม่สน
ไม่นอกใจอีกแล้วววว

และ สุดท้าย
โคลน ค่ะ
โอ้โห... ฝนตกนี่ อยากจะใส่รองเท้าบู๊ทเดินเลย...
ถ้าน้ำที่พื้นกระเด็นมาโดนเท้า โดนขา
หรือ ถ้ามีน้ำขัง แล้วเดินไปเหยียบ ไปจุ่ม ไปแช่
ไม่เกิน 5 นาที คันคะเยอเป็นลิงเลย
ถ้าอาการหนักหน่อย ก็ผื่นขึ้น
แดงปื้ดดด...ไปทั่วบริเวณที่สัมผัสน้ำ

ไมค์บอกว่า เรากระแดะ
บางที เรามาคิดนะ
เวลาโดนโคลนตามถนน เราคัน
เราก็ลองไม่คิดว่าคัน ไม่เกา ไม่สนใจ
แต่ มันไม่ได้อ่า มันคัน และ ผื่นมันขึ้นจริงนะ
ไม่ได้มโน (=.= )"

ทุกวันนี้ เวลาหน้าฝน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ทิชชู่ชุบน้ำ
ถ้าเดิน ๆ อยู่ฝนตก หรือต้องลุยฝน
พอหลบฝนได้ ถ้าสะดวกเอาน้ำล้างขา
เราจะราดน้ำแล้วเอามือถู ๆ ขาให้สะอาดเลย
แต่ถ้าล้างไม่ได้ ก็จะต้องรีบควักทิชชู่มาเช็ด
เช็ดขา เช็ดเท้า เช็ดรองเท้า
คนมองอาจคิดว่า อินี่กระแดะ
แต่ ... เราไม่อยากคัน ไม่อยากผื่นขึ้นอ่า..


หมดละ ที่แพ้ในตอนนี้ ตอนอายุ 31
ถ้าในอนาคต มีแพ้อะไรเพิ่มเติม ค่อยมาเล่าใหม่ ^^"


.....


บางที เราก็กลุ้มใจนะ ว่า ควรจะรักษาดีมั้ย
แต่ พอไม่เจออะไรที่มากระตุ้น ร่างกายเราก็ปกติมาก ๆ
มันจึงทำให้เราไม่อยากไปหาหมอ


.....


เมื่อเช้า ตื่นมา พิมพ์ใน Google ว่า




และ พบว่า บนความโชคร้ายจากเรื่องทรมาณเหล่านี้
มีความโชคดีแฝงอยู่ นั่นก็คือ



พอได้อ่านบทความนี้แล้ว
จากที่รำคาญร่างกายซังกะบ๊วยร่างนี้
กลับกลายเป็นขอบคุณแทน ^^


.....

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

" Sully "



14-09-16


เป็นอีกหนึ่งครั้ง
ที่เราตัดสินใจดูหนัง จากการดูตัวอย่างหนังเท่านั้น
โดยไม่อ่านคำวิจารณ์จากเวปไหนทั้งสิ้น





"Sully"



    รูปจาก Google


"Sully"
เป็นหนังที่ ไม่มีความหวือหวา Clint Eastwood ดำเนินเรื่องไปอย่างนิ่ง ๆ
เหมือนสติของกัปตันและโคไพลอท

ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ สลับไปมาระหว่าง...
ความคิดของกัปตัน , ความฝัน , และ ข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ


    รูปจาก Google


    รูปจาก Google


เริ่มต้นเรื่อง
เราไม่ได้คาดหวังว่า หนังเรื่องนี้ จะสามารถทำให้เราประทับใจได้



ในขณะที่ ... เหตุการณ์ต่าง ๆ ดำเนินไปเรื่อย ๆ
อารมณ์ และ ความรู้สึก ของเรา
ก็ดำดิ่งสู่ก้นบึ้งความรู้สึกของกัปตันโดยไม่รู้ตัว


ทุกคนต่างยกย่อง สรรเสริญ ให้เค้าเป็นฮีโร่ เป็นวีรบุรุษ ที่สามารถทำให้ผู้โดยสารทั้ง 155 คน รอดชีวิต
จากการนำเครื่องลงจอดในแม่น้ำฮัดสัน (ขอย้ำนะว่า เป็นการนำเครื่องลงจอด ไม่ใช่ การตกลงในแม่น้ำ)


แต่หารู้ไม่ว่า เบื้องหลังคำยกย่องสรรเสริญเหล่านั้น
กัปตันผู้เป็นฮีโร่คนนี้ กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ที่ยากลำบาก เรียกได้ว่า
อาจจะทำให้ชีวิตของเค้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง


    รูปจาก Google


เมื่อเครื่องบินทะยานสู่ท้องฟ้าอันแสนกว้างใหญ่
ทุกอย่างดูสวยงามเหมือนที่โคไพรอทกล่าว...
แต่ในวินาทีนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น


    รูปจาก Google


เราทึ่งในความมหัศจรรย์ของกัปตันคนนี้มาก
หากไม่ใช่เค้าคนนี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็คงไม่จบแบบนี้


    รูปจาก Google


"เตรียมรับแรงกระแทก"
คือ ประโยคที่เป็นคำพูดติดตลก ในการสัมภาษณ์กัปตันในรายการทอล์คโชว์รายการหนึ่ง
ซึ่ง เราจะสังเกตุเห็นสีหน้าและรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของกัปตันอย่างชัดเจนว่า
ภายใต้รอยยิ้มบนใบหน้านั้น ความรู้สึกของเค้า ไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย



    รูปจาก Google


    รูปจาก Google



    รูปจาก Google


    รูปจาก Google



    รูปจาก Google


เค้ามีสติสัมปชัญญะทุกอย่างครบถ้วน .. ตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด
ทำหน้าที่ของเค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
เท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะพึงกระทำต่อภาระและหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย


    รูปจาก Google


ในขณะที่เครื่องบินกำลังค่อย ๆ จมลงแม่น้ำ
ความรู้สึกของเรา หดหู่ อย่างบอกไม่ถูก
เราไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้ยังไง ไม่เศร้านะ ไม่ร้องไห้ด้วย
แต่ ... บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่ายังไง


ฉากที่กัปตันนำเครื่องลงจอดในแม่น้ำ ภาพที่ผู้กำกับต้องการสื่อออกมาให้คนดูหนังเรื่องนี้เห็น
มันไม่ได้เป็นที่จดจำในความคิดของเราเลย


    รูปจาก Google


เพราะ ตัวเราเอง ตกอยู่ในห้วงอารมณ์และความรู้สึกของกัปตัน
ฉาก ๆ นี้ จึงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์เท่านั้น
ไม่ได้เป็นฉากไคลแมกซ์เหมือนความรู้สึกของคนอื่น ๆ ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้



แต่ ฉากที่เราคิดว่า เป็นฉากที่เราประทับใจที่สุด มี 2 ฉาก คือ


หลังจากได้รับความช่วยเหลือแล้ว กัปตันต้องการทราบตัวเลขว่า
ผู้โดยสารทั้ง 155 คนของเค้า ปลอดภัยมั้ย

เราตื่นเต้น และ รอคอยคำตอบนั้น ไม่ต่างจากกัปตันเลย

และทันทีที่ คำว่า one fifty five หลุดออกมา

หัวใจของเราเบาหวิว เหมือนลอยได้เลยแหละ โล่งออกอย่างบอกไม่ถูก
ในวินาทีนั้น อยากกระโดดกอดกัปตันมาก ดีใจมากจริง ๆ ^^


และ


ฉากในห้องพิจารณา


    รูปจาก Google

มันน่าทึ่งมากจริง ๆ นะ ที่ ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 35 นาทีนั้น
จะทำให้เราอินกับหนังเรื่องนี้มาก ๆ อย่างไม่เคยรู้สึกกับหนังเรื่องไหนมาก่อน

หนังเรื่องนี้ ทำให้เราได้สัมผัสถึงความรู้สึกของกัปตันจริง ๆ ว่า..
เค้ารู้สึกอย่างไร กับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และ รู้สึกอย่างไรถึงผลของเหตุการณ์นั้น

เราอินมากจริง ๆ จนรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องพิจารณาเพื่อฟังการตัดสินด้วย
จบการพิจารณา เราอยากยืนปรบมือให้กัปตันในโรงหนังเลยทีเดียว

เล่าขนาดนี้ คนที่อ่านอาจคิดว่า เว่อร์มาก....
แต่ความประทับใจของเรา มันมากกว่าตัวหนังสือเหล่านี้หลายสิบเท่า

หลายคนดูแล้วเฉย ๆ เช่น ไมค์


สำหรับเรา
ออกมาจากโรงหนังด้วยความรู้สึก "อิ่ม" , "ประทับใจ"

ความรู้สึกต่าง ๆ ที่ Tom Hanks ถ่ายทอดออกมา เราสัมผัสได้ และ รู้สึกจริง ๆ
จนไม่น่าเชื่อว่า แค่หนังธรรมดา ๆ ในความคิดของคนอื่น
แต่มันทำให้เราประทับใจที่สุด ตั้งแต่เคยดูหนังมาเลย




เราขอยกให้หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ประทับใจที่สุดในชีวิต "Sully"




.....




    รูปจาก Google

    Chesley "Sully" Sullenberger  /  Tom Hanks



.....


เรื่องย่อ


เนื่องจากอุบัติเหตุฝูงนกบินชนเครื่องบิน ทำให้เครื่องยนต์ขัดข้องกะทันหัน
กัปตัน Chesley “Sully” Sullenberger (Tom Hanks) ใช้ประสบการณ์การบินกว่า 42 ปี
ตัดสินใจนำเครื่องบินไฟลท์ 1549 ของสายการบิน US Airways
พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 155 ชีวิตลงจอดที่แม่น้ำ Hudson

ในขณะที่ กัปตัน Sully โด่งดังชั่วข้ามคืน และกลายเป็นฮีโร่สำหรับคนกลุ่มหนึ่ง
แต่เขากับผู้ช่วยนักบินหรือ Co-Pilot Jeff Skiles (Aaron Eckhart จาก The Dark Knight, Olympus Has Fallen)
กลับต้องถูกไตร่สวนและพิพากษาโดย National Transportation Safety Board (NTSB) ว่า..
ทำไม ณ ตอนเกิดเหตุ พวกเขาไม่กลับลำไปสนามบินที่ LaGuardia หรือที่ Teterboro
ซึ่งเป็นสนามบินใกล้เคียง แทนที่จะดิ่งลงไปยัง แม่น้ำ Hudson


.....



Youtube


Youtube



.....


PS.

วันเสาร์นี้ จะไปดูซ้ำอีกรอบ แต่ดูโรง IMAX นะ
ถ้ายังไม่หนำใจ 4DX ก็อยากดูด้วยเหมือนกัน

บอกแล้วไงว่า ประทับใจ จริง ๆ ^^


.....

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

วันอาทิตย์ กับ ตาบวมบวม



11-09-16


ตื่นนอนด้วยเสียงปลุกของช่างที่กำลังรีโนเวทบ้านตั้งแต่ 8 โมงเช้า
เดือนที่ผ่านมา ยุ่งมากเลย
ไหนจะย้ายของ ไหนจะงานสิ้นเดือน ไหนจะลูกค้า
เรียกได้ว่า ทำงานกันน๊อครอบ 12 ชั่วโมงไปเลย

7 โมงเช้า อยู่ที่โต๊ะทำงานแล้ว
ทำจนถึงเที่ยงคืนเลย (อ่อยยยยยยย..... เหนื่อยมาก ๆ)

พอเริ่มเดือนใหม่ ถึงได้หายใจหายคอได้สะดวกขึ้น
แต่ งานเดือนใหม่ก็มาจ่อก้นรอแล้ว


.....


ความจริงวันนี้ ไมค์จะไปเปลี่ยนท่อน้องดำเกิงใหม่
แต่เรามีเหตุฉุกเฉิน ต้องเก็บห้องแบบด่วนจี๋
เพราะ อีก 2-3 วัน จะทำพื้นห้องนอนใหม่แล้ว
ดังนั้น จึงต้องเก็บวันนี้ , วันพรุ่งนี้ก็ทำงานแล้ว จะไม่ว่างแล้ว


ห้องนอนของเราในตอนนี้ ปูพรม
และเราคิดว่า มันสกปรก ทำความสะอาดยาก
เวลาอะไรหล่นพื้นนี่ ลำบากมาก คือ หล่นเปื้อน ก็ไม่เห็น
เพราะ พรมเป็นลาย ๆ , ทำความสะอาดก็ได้แต่ดูดฝุ่น
จะลงไปนอนเกลือกกลิ้งที่พื้นนี่ เลิกพูดเลย เพราะคิดว่า มันสกปรกมาก

ก็เลยจะรื้อพรมออกทั้งหมด และปูเป็นพื้นกระเบื้องแทน
ไว้จะถ่ายรูป Before กับ After มาให้ดู ^^

พอต้องรื้อพื้นใหม่หมด
ก็หมายความว่า ต้องเก็บของทุกอย่างหมด
งานเหนื่อยก็เลยมาอีกรอบ
ยัดทุกสิ่งอย่างลงลัง ปิดผนึก เดี๋ยวห้องเสร็จ รื้อออกมาใหม่
(=.=  )"" เหนื่อยจุง แต่ก็ดีใจ ที่จะได้เปลี่ยนพื้นใหม่ ^^


.....


กว่าจะเก็บของเสร็จ ก็ช่วงบ่าย ๆ
ไมค์มารับที่บ้าน แล้วไปตรวจงานกัน
เราจะเทพื้นชั้น 5 กันในวันอังคารนี้ (13-09-16)


ระหว่างเดินขึ้นบันไดไปชั้น 5
ผ่านชั้นลอย เลยแวะนั่งดูหนังกับไมค์ที่ห้องดูหนังแป๊บนึง อิอิอิ





เวลาไปดูบ้านที่กำลังสร้าง
เราชอบจินตนาการว่า ถ้าตอนบ้านเสร็จแล้ว ตรงนี้ จะเป็นอะไร
ทำอะไรตรงนี้บ้าง แล้วก็ชอบคิดเล่น ๆ ว่า กำลังอยู่ในบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว ^^
ไมค์ก็เลยบ้าจี้ เล่นไปกับเราด้วย :D


เราเดินขึ้นบันไดบ้านที่เพิ่งเทเสร็จ
ไม่ค่อยอยากปีนบันไดลิง เพราะสูงมาก เริ่มกลัวแล้ว
แต่ก็ขึ้นไปได้แค่ชั้น 4 นะ พอจะขึ้นชั้น 5 ต้องปีนบันไดลิงแทน เพราะบันไดบ้านยังไม่ได้เท


ระหว่างทาง ไมค์ก็แวะดูนู่นดูนี่




ผู้รับเหมานัดไมค์ไว้ช่วงเย็น ๆ ให้ตรวจงานคร่าว ๆ ก่อน 1 รอบ
เตรียมความพร้อมสำหรับวันอังคาร






ระหว่างรอไมค์
เราก็ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย ใช้กล้องโทรศัพท์นี่แหละ





เห็นตึกมหานครแล้วยังเสียดายไม่หาย
วันที่เค้าเปิดไฟ เราอยากขึ้นมาบนนี้เพื่อถ่ายรูปมาก
แต่ฝนตกพอดี T^T ก็เลยอด
เห็นรูปคนอื่นถ่ายออกมา สวย ๆ ทุกรูปเลย เสียดายมากกกกกกก... (กอ.ไก่ล้านตัว)
อยากประลองฝีมือกับเค้าบ้าง แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ
ฝนตก แล้วจะปีนบันไดลิงขึ้นมาข้างบนนี้ คงจะไม่ดีม๊าง....


จะว่าไป บ้านเราก็วิวดีเหมือนกันนะ
นี่ชั้น 5 ยังเห็นวิวประมาณนี้
เดี๋ยวรอถึงชั้นดาดฟ้าก่อนเหอะ ^^ จะจับเบ๊คกี้ถ่ายรูปมาอวด


ก่อนกลับลงมาข้างล่าง
ชวนไมค์ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อย




วันนี้ ตาบวมมาก เพราะภูมิแพ้กำเริบ
เหตุเกิดจาก เก็บห้องเมื่อเช้า แล้วเจอฝุ่น
เราเป็นแบบนี้ตลอดแหละ เจอฝุ่นนิดหน่อย อาการกำเริบ
ตาบวม จาม ตลอด ๆ เลย

ลืมตาแทบไม่ขึ้น T^T




รอยยับใต้ตา มาเพียบ




ไมค์เห็นที่วัดระดับ
เลยบอกให้เราหยิบขึ้นมา แล้วไมค์จะถ่ายรูปให้
ได้รูปนี้มา




จะเล่นมุก ตอนแรกเราไม่เกท อะไรอ่า ...
มาบอกว่า ส้มเป็นพวกไฮโซ
งง เลย อะไร ไฮโซยังไง

เฉลยว่า เป็นพวกมีระดับ

เง้อ............ เงิบเลยทีเดียว (ห้าห้าห้า)


.....


ก่อนกลับบ้าน ไมค์ตั้งใจจะพาไปกินน้ำแข็งใสที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา
แต่ไป ๆ มา ๆ กลับกินมื้อหนัก

เรากินชาบูกัน
แต่ ทีเด็ดไม่ได้อยู่ที่ชาบู
อยู่ที่ไข่ตุ๋นชีสสส์ต่างหาก อิอิอิ

ชีสงี้ ... ยืดเชียวววววววววววววววว...
59 บาทเองด้วย
อร่อยเว่อร์...




ให้ 9.5/10 คะแนน
ไว้ต้องกลับไปกินอีกแน่นอน ^^


.....


หมดวันอย่างอารมณ์ดี


.....


Happy Sunday ka ... :)


.....

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

กินข้าวกับบ้านแฟน



06-09-16


เมื่อวาน ดูรายการ Club Friday Show ย้อนหลัง
ดูตอนที่ หมอโอ๊ค กับ โอปอล์ มาให้สัมภาษณ์
โอปอล์เล่าเรื่องการทานข้าวที่บ้านหมอโอ๊ค
ทำให้เรานึกถึงเรื่องของตัวเอง


การไปกินข้าวกับบ้านแฟน
สำหรับเรา มันเป็นอะไรที่ .... ไป ๆ ๆ ๆ ไปจิ่ ๆ ๆ ๆ คือ ชอบมากกก...


เรามีความรู้สึกว่า ชอบอ่ะ
ไม่อึดอัด ไม่เกร็งเลย

อาจจะมีเกร็งบ้าง ในมื้อแรก ๆ ของการพบกัน
แต่ หลังจากนั้น เคี้ยว ตุ้ย ตุ้ย ตุ้ย .. แก้มบวมตลอดเยย... อิอิ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ไมค์บอกว่า ไปกินข้าวกับป๊าม๊ากัน
เราจะรีบตกปากรับคำในทันที อย่างไม่มีอิดออด
เรียกได้ว่า ถ้านัดกับไมค์ว่าจะไปไหนกันก่อน ก็จะยกเลิกแล้วไปกินกับป๊าม๊าดีกว่า


บนโต๊ะอาหาร เราไม่มีความรู้สึกว่า เกร็ง หรือ อึดอัดเลย
มีแต่ กิน กิน กิน ซึ่ง มันคือสิ่งที่เราชอบ (ห้าห้าห้า)

เอ๊ะ หรือว่า ที่ชอบ เพราะเราเห็นแก่กิน :P


 รูปภาพจาก Google


ไม่มีพิธีรีตอง ไม่ต้องมีช้อนกลาง ไม่ต้องรอคนนู้นตักก่อน คนนี้ตักก่อน
พออาหารมา ก็ตักเลย ชิมเลย

และจุดพีค มักอยู่ตอนใกล้อิ่ม
หากอาหารเหลือ ป๊าจะเริ่มขายให้คนบนโต๊ะ
ตัก ๆ ๆ โกย ๆ ๆ เหมา ๆ ให้หมด ๆ ไป :D
มันเป็นอะไรที่เราชอบมาก อิอิ


.....


เราว่า เราเป็นคนที่โชคดีนะ (อวยแฟนอีกละ)

คือ

ไมค์ นี่ เรียกได้ว่า ถูกใจเราในหลาย ๆ เรื่อง
ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิต ความคิด นิสัย ต่าง ๆ นานา เราค่อนข้างถูกใจ
รวมไปถึงครอบครัวของไมค์ด้วย
โดยเฉพาะป่ะป๊ากับหม่าม๊า

มีครั้งนึง เรากับไมค์ ทะเลาะกันแรงมาก
ถึงขนาดที่ว่า เราไม่เอาแล้ว ยกธงขาวแล้วอ่ะ



 หนูน้อย จาก Google



ไมค์พาเราไปหาหม่าม๊าเดี๋ยวนั้นเลย
กลายเป็นว่า หม่าม๊าเคลียร์ปัญหาในครั้งนั้นให้เราได้

และในหลาย ๆ ครั้ง ที่ไม่ใช่เรื่องระหว่างเรากับไมค์
เป็นแค่เรื่องของเราเพียงคนเดียว
ม๊าก็จะให้ข้อคิด จะอธิบายเหตุผลให้เราเข้าใจ


เรามักคิดเสมอว่า โชคดีมาก ที่ได้แฟนที่ถูกใจเรา และครอบครัวของแฟนก็รักเรา

จะมีแม่แฟนซักกี่คน ที่หอมแก้มแฟนของลูกชาย
เราไม่อยากอวดว่า เรานี่แหละ เจอแม่แฟนแบบนั้น
โชคดีใช่มั๊ยล่ะ อิอิอิ ^^


.....


ไป ๆ มา ๆ จบไดอารี่แบบอวยแฟนซะงั้น (ห้าห้าห้า)


.....


Happy Tuesday ka ... :)


.....

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

แฟนเดย์



04-09-16


เป็นหนังที่เห็นตัวอย่างแล้ว บอกกับไมค์เลยว่า ต้องมาดูแน่ ๆ
พอหนังเข้า ก็เลยต้องไปเสียเงิน

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ ถึงเป็นหนังที่ คนดูเยอะมากกก...
ปกติ เราชอบดูหนังของ GTH อยู่แล้ว ดูทุกเรื่องที่เป็นแนวมุ๊งมิ๊ง ๆ
แต่ก็ไม่เห็นว่าจะคนเยอะเท่าหนังเรื่องนี้

อาจเป็นเพราะ GDH รึป่าว (เอิ๊ก ๆ)

ตื่นมาแต่เช้า รีบจองตั๋วหนังทันที
หนังที่คิดว่าชอบ เรามักอยากจะดูที่โรง Pavalai
และ เรื่องนี้ก็ไม่พลาด

ที่นั่งเดิม เก้าอี้ตัวเดิม คนนั่งข้าง ๆ ก็คนเดิม ^^




ไมค์ชอบบ่นว่าโรงนี้แพง คนละ 290 บาท
ถ้าดูวันพุธนะ เท่ากับเงินจำนวนนี้ ดูได้ 2 เรื่องเลย
แต่ เราชอบโรงนี้อ่ะ ถ้าหนังเรื่องที่อยากดูฉายที่โรงนี้ เราไม่เคยมองโรงอื่นเลย
เพราะ นั่งสบายสุดแล้ว




ถามเราว่า หนังเรื่องนี้ ในความรู้สึกของเรา เป็นยังไง
ก็ ไม่ขี้เหล่นะ โอเคแหละ (แอบร้องไห้ด้วย อิอิ)
น้ำตาหยดแหม่ะ ๆ ผ่านแว่นตาลงไปที่แก้ม
แอบอายที่นั่งใกล้ ๆ กลัวเค้าเห็นว่า อิป้านี่ร้องไห้ (ห้าห้าห้า)


มีกระแสต่อต้านคนสปอยหนังเรื่องนี้เยอะพอสมควร
แต่ เราก็เฉย ๆ นะ ไม่รู้สิ แล้วแต่ความคิดของแต่ละคน

ส่วนตัวแล้ว ไม่ได้อ่านพวกนี้
เพราะ พอดูตัวอย่างหนัง หรือ นักแสดงแล้ว
ถ้าชอบ เราก็มักจะเสียเงินเพื่อไปนั่งดู
โดยไม่อ่านวิจารณ์หนังก่อน เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย


หนังจบ ออกจากโรงหนัง
ไปแวะปั๊มตราประทับหลังตั๋วหนังซักหน่อย ว่าได้ดูแล้ว
อินตามหนังนิดนึง (อิอิ)




สรุปคะแนนสำหรับหนังเรื่องนี้ เราให้ 8/10 คะแนน
หัก 2 คะแนน เพราะ ทำคนนั่งข้าง ๆ เราดราม่า


.....


ทุกครั้งที่ไปพารากอน เราสองคนกับไมค์ จะต้องชะแว๊บไปชิมกาละแมในกรูเม่ต์
ของเค้าอร่อยจริง ๆ นะเออ แต่ถ้าจะให้ซื้อมากิน ไมค์ส่ายหัว เพราะ แพงเกิ๊น
เลยได้แต่ หยิบมาชิม




นี่คือ หยิบ..ชิม นะ (อิอิ) ความจริง เยอะกว่าในรูปที่ถ่าย แต่ กินไปบ้างแล้ว 2-3 ชิ้น
ถ้าหยิบชิมซัก 2 รอบ ก็พอดีเลย เหมือนซื้อเค้ากิน 1 ถุง (ห้าห้าห้า)

เห็นคนอื่นหยิบแค่ ชิ้นเดียว เราสองคนกับไมค์จัดไป คนละ 1 กำมือ
อร่อยเว่อร์ ไม่เสียตังค์ กินข้าวเสร็จทีไร ต้องมาหม่ำกาละแมฟรีทุกที
งกไม่มีใครเกิน น่าเกลียดไปป่ะ (ห้าห้าห้า)


.....




1 รูป ของวันนี้
รถติดอยู่ในสยาม เลยเปิดกระจก กด แช๊ะ ^^


.....


หมดวันอย่างอารมณ์ดี


.....


PS. เราคิดคำขวัญสำหรับไดอารี่หน้านี้ไว้ด้วยนะ
คล้าย ๆ คำขวัญประจำจังหวัด ไรงี้ (อิอิอิ)

ดูหนังตามกระแส กาละแมอันลือเลื่อง
คุยเฟื่องเรื่องความอร่อย ชิมบ่อย ๆ ถ้าไม่อาย

ห้าห้าห้า


.....


Happy Sunday ka ... :)


.....

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

เมื่อไหร่จะสิ้นปีหน้า



03-09-16


เดือนหน้า จะอายุ 31 แล้ว....
รู้สึกตัวเอง แก่ แล้ว

ไม่ใช่รู้สึกว่า กลัวหน้าแก่ หรือ เหี่ยว หรือ อะไรนะ
แต่ กลัวจะมีลูกไม่ได้

ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น
ความเสี่ยงต่าง ๆ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เราบ่นกับไมค์บ่อยมาก ว่า อายุเยอะแล้วนะ อายุเยอะแล้วนะ
กลัวมีลูกไม่ได้ กลัวเป็นนู่น กลัวเป็นนี่

คำถามที่ไมค์มักจะถามมาทุกครั้งที่เราบ่น คือ

"แล้วจะยังไงดี ?"


.


.


นั่นสิ ... จะยังไงดี


.


.


คือ เคยมีความคิดนะว่า เอางี้ก็แล้วกัน
แต่งงานกันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แล้วก็มีลูก
ส่วนเรื่องสร้างบ้าน ไมค์จะสร้างอีกกี่สิบปี เราไม่ว่า

แต่ไป ๆ มา ๆ สุดท้ายแล้ว
เราก็อยากรอบ้านให้เสร็จก่อนมากกว่า
เพราะ ถ้าบ้านเสร็จ นั่นหมายความว่า ทุกอย่าง พร้อม

ไมค์ก็มีเวลามากขึ้น ทุกอย่างก็คงจะลงตัวมากกว่านี้
รีบ ๆ ไป ก็ไม่มีอะไรดี


แต่ ก็ยังบ่นเหมือนเดิมอยู่ดี ว่า

เมื่อไหร่ บ้านจะเสร็จ
เมื่อไหร่จะได้แต่งงาน
เมื่อไหร่จะได้มีลูก


.....


การรอคอยใกล้สิ้นสุดแล้ว
ปลายปีหน้า เราจะแต่งงานกัน ^^


ยิ่งใกล้เข้าเส้นชัย เรายิ่งรู้สึกว่า มันนานเหลือเกิน
แต่ละวัน แต่ละเดือน ทำไมช้าขนาดนี้
เมื่อไหร่จะสิ้นปีนี้ เมื่อไหร่จะสิ้นปีหน้า


.....