วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2564

การพาลูกไปกินข้าวนอกบ้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

 14 / 03 / 21

เดี๋ยวนี้เวลาไปกินข้าวนอกบ้าน ลูกลูก Happy กันมาก

ทุกอย่างเริ่มง่ายขึ้น กว่าเมื่อก่อน มากกกก...

เด็กเด็กสามารถนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองในร้านอาหารได้นาน

















เราลองจับเวลาดู ครั้งล่าสุด นั่งได้จนเรากับไมค์กินอิ่มเลย ประมาณ 40 นาที

นั่งโดยไม่งอแง ไม่ร้องขอลุกจากเก้าอี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี

เพราะ หากยังทำได้แบบนี้ทุกครั้ง เราจะไปกิน AKA แล้ว

คิดถึง AKA มว๊ากกกกกกก....... 😆

อย่างที่รู้ ๆ กันว่า การไปนั่งกินปิ้งย่าง อย่างน้อยต้องใช้เวลา 1 ชม.

ถ้าลูกให้ความร่วมมือดีแบบนี้ทุกครั้ง แม่ก็จะได้พาไปนั่งกินปิ้งย่างแล้ว 😋


วันนี้เราตั้งใจจะไปซื้อของที่กรูเม่ กินไอติม และกินข้าว

ช่วงที่นั่งโต๊ะอาหาร ไม่ค่อยมีปัญหา คึกคักสนุกสนานกันไปตามเรื่องตามราว


























เห็นช้อน เห็นแก้ว ก็จะหยิบจะจับ มาทำท่ากินข้าว ป้อนตัวเอง













































ในความรู้สึกของเรา มีลูก ก็เหมือนมีเพื่อนเล่นนะ

เค้าเหมือนเพื่อนคนนึงเลย ยิ่งตอนนี้เริ่มโตแล้ว เริ่มรู้เรื่องแล้ว 

ไปกินไอติม ไปกินขนม ไปกินข้าว ก็มีลูกกินด้วย สนุกดี ไม่ได้เหงา ๆ เหมือนตอนอยู่กับไมค์แค่ 2 คน



















เราเลี้ยงลูกเองกับไมค์แค่ 2 คน ไม่มีพี่เลี้ยงคอยช่วย

เวลาไปไหน ก็ไปกันแค่ 4 คนพ่อแม่ลูก

เราจึงมักได้รับคำชมบ่อย ๆ ว่า เก่งจังเลย เลี้ยงแฝดเอง ไม่ต้องมีคนช่วย

เพราะขนาดเค้า แค่คนเดียวยังเหนื่อยและวุ่นวายมาก ๆ

คำชมนี้ ได้ยินแทบทุกครั้งที่พาลูกออกไปกินข้าวนอกบ้าน

คนเป็นแม่แบบเรา ได้ฟังแล้วก็อดปลื้มปริ่มไม่ได้ ที่เราสามารถเลี้ยงลูกเองได้ตลอด 24 ชม. เลย

โดยที่ไม่ต้องมีคนคอยช่วย แอบภูมิใจในคำชมทุกครั้งเลย 🥰

























การพาเด็ก 2 คน ที่อายุ 1 ขวบนิด ๆ ออกไปนอกบ้าน โดยไม่มีคนช่วย

นั่นหมายถึงว่า เรากับไมค์ ต้องดูลูกกันคนละ 1 คน

บางคนมีลูกคนเดียว ก็จะผลัดกันอุ้ม ผลัดกันดูลูก ในเวลาที่อีกคนกินข้าวหรือเข้าห้องน้ำหรือซื้อของ

แต่สำหรับเรา ไม่ใช่เลย เราต้องรับหน้าที่เองเต็ม ๆ

ลูกร้อง ลูกเลอะเทอะ ลูกดิ้น งอแง นั่นคือ คุณไม่มีคนช่วยนะ เพราะอีกคนก็ดูลูกอีกคนอยู่

ทำเองหมดตั้งแต่ กางเก้าอี้กินข้าว เก็บเก้าอี้กินข้าว ป้อนข้าว ป้อนน้ำ เก็บกวาดสิ่งที่กินเลอะเทอะ

ตลอดจนเปลี่ยนแพมเพิร์ส ก็ต่างคนต่างทำกับไมค์ เพราะรอทำทีคนจะเสียเวลา

ในบางครั้ง ลูกแหกปากโวยวายโยเย ไม่ได้นั่งเรียบร้อยทุกครั้ง

พ่อแม่อย่างเราก็ต้องรับมือกันเองให้ได้กับอารมณ์ของเด็กในวัย 1 ขวบนิด ๆ

ซึ่งมันทำให้เราภูมิใจมากมาก กับการเลี้ยงลูกแฝดเอง ^^

เวลามีคนชมนี่ ยิ้มแก้มแทบปริเลยแหละ อิอิ 😙

























วันนี้ ลูกได้เห็นแตงโมเป็นลูก ๆ ครั้งแรกในชีวิต


























ตอนแรกก็ งง กัน ไม่กล้าจับ ได้แต่มอง ๆ แต่พอได้จับแล้วลูกแตงโมเย็น ๆ 

แถมยังมีน้ำแตงโมหวาน ๆ ให้กินด้วย คราวนี้หล่ะ พอขอแตงโมคืน ติณณ์โวยวายใหญ่เลย

























หม่ำ ๆ กันเสร็จ ก็ไปเดินซื้อของกัน

พอเดินซื้อของเท่านั้นแหละ เดี๋ยวนี้ไม่ง่ายแล้ว

เวลาเห็นอะไร ก็จะหยิบ จะจับ กันไปหมดซะทุกอย่าง

พอไม่ให้ก็ร้องโวยวาย พอให้ก็จับแป๊บ ๆ แล้วส่งคืน
























สัปดาห์ที่แล้วพาไป toy r us นะ .... อ่ะหือ.......

นี่ขนาดเพิ่ง 1 ขวบครึ่ง ยังแสดงอิทธิฤทธิในร้านของเล่นพอสมควรเลย

ไม่อยากจะคิดถึงตอนที่โตกว่านี้เลย ...... แม่อย่างเราคงได้คำรามขู่ลูกตลอดเวลาแน่ ๆ 🤣

























ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนยังไม่มี COVID คงดีกว่านี้เนอะ

การพาลูกออกไปนอกบ้าน ไม่ต้องคอยหวาดระแวงอะไร

ได้ไปเที่ยวกันบ่อย ๆ ไปนู่นไปนี่ได้ตามใจ คงจะดีมาก ๆ เลย

เด็กเด็กโตมาในช่วงนี้ ก็ได้แค่นี้แหละลูกเอ๊ย....

แค่ไปพารากอน แม่ยังแอบหวั่นใจเลย เมื่อไหร่น๊า... จะได้ใช้ชีวิตปกติซักที





















































































.....


รักน๊า... แฝดน้อยของหม่าม๊า

Happy Sunday ka.. :)


.....


วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2564

พอลูกเริ่มโต แม่ก็เริ่มใจหาย

 12 / 03 / 21

คืนวันเสาร์ คือวันที่เรากับไมค์จะพาเด็กเด็กไปกินข้าวกับอากงอาม่า

สัปดาห์นี้เราไปกินข้าวที่สยามเซ็นเตอร์ ก่อนกลับ จึงให้เด็กเด็กเดินเล่นที่สยามดิสฯ แป๊บนึง

















เดี๋ยวนี้ลูกยอมให้เดินจูงมือแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่ยอมให้จับเลย พอเราจะจับมือเดิน จะสะบัดมือออกทันที





















แต่วันนี้เปลี่ยนไป ติณณ์เดินมาหา เอื้อมมือมาจับมือเราเองเลย

เริ่มโตขึ้นอีกนิดแล้วเนอะลูกเนอะ ^^





















ลูก 2 คน ค่อย ๆ โตขึ้นอีกนิดแล้ว จากที่ต้องคอยป้อนข้าวตลอด

เดี๋ยวนี้บางครั้งก็ไม่ยอมให้ป้อนแล้ว จะจับช้อนแล้วกินเอง

แอบใจหาย ... ที่ลูกเริ่มอยากทำอะไรด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งเราแล้ว 😅





















เวลาผ่านไป ลูกแม่ก็โตขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้ทีละนิด ทีละนิด

คนเป็นแม่อย่างเรา ที่เฝ้าดูเค้าเติบโตตั้งแต่ยังเป็นไข่ในมดลูกของเรา จนปฏิสนธิเป็นเซลล์เล็ก ๆ

กระทั่งโตเป็นทารกในพุงของเรา วันแรกที่พวกเค้าลืมตาดูโลกหายใจด้วยจมูกของตัวเองเป็นครั้งแรก จนถึงวันนี้....

เราเฝ้ามองเค้ามาตลอด แล้วแบบนี้ จะไม่ให้รู้สึกใจหายได้ยังไงเนอะ ^^


“รักจังเลย” ลูกน้อยหอยสังข์ของหม่าม๊า ^^


.....


Happy Saturday ka.. :)

.....




ความสุขในแต่ละวัน

 13  / 03 / 21


“ความสุข” ในแต่ละวัน มีอยู่ตลอด เพราะ รอยยิ้มของลูก
เราชอบนั่งมองลูกหัวเราะ ไม่รู้ทำไม แค่ลูกหัวเราะ พอได้ฟัง ได้มองดูเค้า
แค่นี้ก็รู้สึกสุขใจแล้ว... :) ใครที่มีลูก น่าจะเข้าใจความรู้สึกของเราดี

























เด็กเด็กโตขึ้นมากแล้ว เริ่มพูดรู้เรื่อง ฟังที่เราพูดเข้าใจ บอกให้ทำอะไร ส่วนใหญ่ถ้าเป็นเรื่องง่าย ๆ จะทำได้
แต่บางครั้งก็ชอบทำหูทวนลมให้เราหงุดหงิดบ่อย ๆ 😆

























กิจกรรมในแต่ละวันของพวกเราแม่ลูก ไม่มีอะไรมาก เหมือนเดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน
ตื่นนอน อาบน้ำ หม่ำข้าว เล่น ๆ ๆ ๆ กล่อมนอน มีแค่นี้จริง ๆ
ทำซ้ำวนไปทุกวัน จะว่าเบื่อ ก็เป็นบางครั้งนะ เป็นบางครั้งที่เราอยากทำอย่างอื่นมากกว่า
เช่น บางอารมณ์ เราก็อยากชิลล์ นอนดูซีรี่ย์ทั้งวัน แต่ก็ทำไม่ได้ ไรงี้
หรืออยากออกจากบ้าน ไปเดินเล่น หาขนมกิน นั่งชิลล์ตามร้านขนม
สิ่งเหล่านี้ห่างหายจากชีวิตของเราไปนานมาก ๆ แล้ว จนแอบคิดถึงชีวิตแบบเมื่อก่อนอยู่บ่อย ๆ

แต่... ส่วนใหญ่เลี้ยงลูก ไม่ค่อยมีเวลาให้เบื่อบ่อยหรอก
เพราะ ทำนู่นทำนี่ตลอดทั้งวัน อ่านหนังสือกับลูกบ้าง ต่อตัวต่อบ้าง วิ่งไล่จับกันบ้าง
ทำกิจกรรมเดิมซ้ำ ๆ ตลอดทั้งวัน เช่น ช่วงนี้ลูกฮิตอ่านหนังสือ ก.ไก่ - ฮ.นกฮูก
แม่เอ๊ย.... อ่านวนไปทั้งวัน หยุดอ่านก็ไม่ได้ ร้องไห้โวยวาย

ก.เอ๋ย ก.ไก่ ,, ข.ไข่ อยู่ในเล้า ..........

อ่านจนเราหาวง่วงนอนวันละร้อยตลบ 😂
แต่ มันก็มีความสุขอะเนอะ สุขแบบง่วง ๆ 🤣

























สัปดาห์ที่ผ่านมา เฮียวิณณ์รุงรังมาก งอแงสุด ๆ ไม่รู้ทำไม
งอแงทั้งกลางวันกลางคืนเลย เรากับไมค์ตาโบ๋หนักมาก

เรา ผู้ซึ่งนอนวันละ 3-4 ชม. ทุกคืน ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา
พอช่วงนี้ เริ่มจะนอนยาว ๆ บ้าง ก็มาเจอเฮียวิณณ์งอแงอีก เราเลยเกิดอาการ งอแงบ้าง
เมื่อคืน ตีสามครึ่ง เฮียวิณ์ตื่นมางอแง เรานี่ร้องไห้ตามเลย
สุด ๆ จริง ๆ คือ ร่างกายแทบจะไม่ไหวแล้ว อยากนอนมาก ๆ แต่ก็นอนไม่ได้
พอวิณณ์ตื่นมาร้อง ติณณ์ก็ตื่นมาร้องด้วย
สรุป 4 คนพ่อแม่ลูก นั่งตาโบ๋กันตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง จนตี 5 ครึ่ง ลูก ๆ ถึงนอนกัน 😅

























มันก็เป็นความสุขใจที่ทรมาณร่างกายอ่ะเนอะ 🤣🤣 ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ให้ลูกไม่ตื่นมางอแงกลางดึก
ก็ได้แต่หวังว่า วิณณ์จะเลิกงอแงในอีกไม่ช้า น่าจะเพราะฟันเค้ากำลังขึ้นหลายซี่พร้อมกันแหละ
คงจะเจ็บเหงือก เลยทำให้งอแงหนักมาก ...


.....


รักลูกทั้งสองคนมาก ถึงแม่จะแอบหงุดหงิดใส่ลูกบ่อย ๆ แต่ก็รักมากเหมือนเดิม 😁


.....


Ps. รู้สึกอรรถรสในการเขียนไดอารี่หน้านี้ยังไม่ค่อยมี เขียนได้จืดชืดมาก คงต้องปัดฝุ่นกันอีกซักพัก เพราะห่างหายจากการเม้าท์ตัวเองมานาน 🤣


ห่างหายไปนาน

 12 / 03 / 21


          ห่างหายจากการเขียน blog ไปนานมาก ก็ตามอายุของลูกนั่นแหละ ^^” ก่อนหน้านี้ ยังไม่มี iPad ถ้าจะอัพ blog ต้องพิมพ์จากคอมฯ ถึงจะสะดวก แต่ตอนนี้มี iPad ละ ง่ายเลย สะดวกมาก ๆ คงได้เขียนไดอารี่บ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วแหละ ^^

          ไม่ได้เขียนไดอารี่นานมาก เริ่มต้นไม่ถูกเลย เพราะมีเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้ และเสียน้ำตาได้ ล่าสุดนี่ ทำเอาชีวิตเป๋ไปเลย ไว้ทุกอย่างโอเคขึ้นกว่าตอนนี้ ในเรื่องของความรู้สึก จะมาเล่าให้ฟัง ว่าเราผ่านเหตุการณ์และความรู้สึกอะไรมา 

          เรา ในวัย 35 ,, ชีวิตไม่มีความโลดโผนเลยยยยยยย....... วัน ๆ มีแต่เรื่องของ “ลูก” คุยกับคนแค่ไม่กี่คน นั่นคือ ลูก สามี และ แม่ค้าออนไลน์ :D


แวะมาเขียนไดอารี่หน้านี้นิดนึง
ไว้คืนนี้ลูกหลับ จะมาโม้อีกรอบ เดี๋ยวไปอาบน้ำลูกก่อนละ 😙

.....

Happy Friday ka ... :)

.....          

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Before ^ JANUARY



01-12-2018


ฮาโหล.... ธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี 2561 แย๊ววว...

มีหลายสิ่ง ที่ต้องทำมากกกกก.....

เมื่อวาน เราเริ่มจาก การไปเปลี่ยนสีผม ให้เป็นสีที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด

เพราะ เราไม่แน่ใจว่า ต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะมีเวลา หรือสามารถไปทำสีผมได้รึเปล่า




และเราก็เป็นโรคจิต ที่ไม่ชอบเห็นผมตัวเองมี 2 สี

ถ้าทำสีผมที่ไร แล้วพอโคนผมเริ่มยาวเห็นสีดำ ก็จะขัดตาขัดใจเราทุกที

ดังนั้น การทำสีผมให้ใกล้เคียงสีธรรมชาติที่สุด น่าจะเหมาะกับเราในช่วงนี้มากกว่า

ถึงแม้ว่า สีผมที่เพิ่งทำมาเมื่อปลายเดือนกันยายน จะยังสวยอยู่เลย (=.= )"




วันพรุ่งนี้ ... มีนัดทำ Skin Test ภูมิแพ้ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

เพราะเรารู้สึกว่า ช่วงหลัง ๆ มานี้ ร่างกายไม่ค่อยโอเคเลย เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็แสดงอาการตลอด

การไปตรวจ น่าจะดีที่สุด เพื่อที่ว่า เราจะได้ระมัดระวังตัวเองในช่วงที่ตั้งท้อง

ให้ตัวเอง ไม่ไปสัมผัสกับสิ่งที่แพ้ จะได้ไม่แสดงอาการต่าง ๆ ที่เคยเป็น




2 สัปดาห์หลังจากนี้ จะเป็น 2 สัปดาห์สุดท้าย ที่เราจะมีเวลาทำนู่นทำนี่ หรือไปไหนมาไหนได้สบายหน่อย

เพราะ ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน ช่วงกลางเดือนธันวาคม เราจะต้องไปพบคุณหมอแล้ว (เป็นครั้งที่ 2)

และเริ่มกระบวนการกันใหม่อีกครั้ง ... ไปพบคุณหมอ ... ฉีดยา ... พบคุณหมอ ... ฉีดยา ... และ เก็บไข่

กระบวนการเหล่านี้ น่าจะใช้เวลาลากยาวไปถึงช่วงประมาณปลายเดือนธันวาคมเลย

เผลอ ๆ ถ้าจะต้องคาบเกี่ยวไปถึงต้นเดือนมกราคมของปีหน้า

เราก็อาจจะยังไม่ทำอะไรในเดือนนี้ ต้องดูอีกทีแหละว่า จะยังไง กำหนดกะเกณฑ์อะไรไม่ได้จริง ๆ

ดังนั้น แพลนไปเที่ยวในช่วงวันหยุดปีใหม่ของเรา คือ ไม่มี

ไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ แพลนเราถึงจะกำหนดได้




อยากไปเที่ยวน๊า..... แต่ก็ไม่อยากเสียเวลาไปอีก 1 เดือน โดยที่ไม่ได้ทำอะไร

เพราะเราก็ไม่รู้ว่า ตัวเราเองนั้น จะเป็นคนท้องง่ายรึเปล่า อาจจะต้องเสียเวลาอีกหลายเดือนก็ได้




แต่ไมค์ก็บอกเราว่า เป็นเดือนมกราของปีหน้าก็ดีนะส้ม

เผื่อว่า ลูกของเรา อาจจะได้คลอดเดือนตุลาคมไง บ้านเราจะได้เกิดเดือนตุลาคมกันทุกคน

เออ... คิดแบบไมค์ ก็ดีเหมือนกันนะ ^^ ทำให้เราไม่เครียดมาก ถ้าจะต้องทิ้งเดือนธันวาคมไปเฉย ๆ


ทุกอย่าง ชะตา ฟ้าลิขิต เค้าขีดมาให้หมดแล้ว

เราไม่สามารถกำหนดกะเกณฑ์อะไรได้จริง ๆ

ได้แต่หวังว่า ... หลาย ๆ อย่าง จะออกมาดีที่สุด เท่าที่ ผู้หญิงคนนึงจะทำได้ :)




.....




ผล Skin Test เป็นยังไง ไว้จะมาอัพเดทอีกที ^^




…..


PS.

มีแอบเผื่อใจไว้นะ ว่า ครั้งแรก อาจจะยังไม่สำเร็จ

ถ้ายังไม่สำเร็จ เราจะไปขึ้นดอยกับเพื่อน ๆ ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์

และหากยังไม่มีอะไรคืบหน้า กลางปีหน้า เราจะไปหาเพื่อนที่อเมริกาซักครึ่งเดือน

คิดซะว่า เป็นการไปเที่ยวปลอบใจตัวเอง ^^

อันนี้ คิดเผื่อไว้เฉย ๆ เผื่อต้องผิดหวัง เผื่อต้องเสียใจ

ก็ไปเที่ยวซะเลย จะได้ไม่คิดมาก :D




…..




Happy Saturday ka … :)




…..

อัพเดทชีวิตหลังแต่งงาน



01-12-2018


ชีวิตจริง ๆ กำลังเริ่มต้น ....

หลายอย่างที่ตอนอยู่บ้านไม่ได้ทำ ตอนนี้ ต้องทำทั้งหมด

แต่ ... วัน ๆ นึงของเรา ก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องรับผิดชอบมากนักหรอกนะ

นอกจาก รับผิดชอบเรื่องของไมค์

นอกนั้นก็ ... ไม่มีอะไรเลย .......... จริง ๆ




ตื่นเช้ามา

บีบยาสีฟันเตรียมไว้ให้ เตรียมชุดที่จะใส่ เข็มขัด ถุงเท้า

แล้วก็ออกไปทำงานพร้อมกัน



พอใกล้ ๆ 6 โมงเย็น

เราก็เตรียมไปเก็บเสื้อผ้าชุดที่เพิ่งกลับมาจากซักรีด หากวันไหนตีแบด ก็เก็บชุดตีแบดให้ด้วย



กลับถึงคอนโด

เราก็ซักผ้า ตากผ้า เตรียมผ้าเช็ดตัว ชุดนอน วางไว้ให้คุณชายในห้องน้ำ

อ้อ .. บีบยาสีฟันให้ด้วยเหมือนเดิม



เป็นแบบนี้ ทุกวัน ทุกวัน

จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หม่าม๊าไมค์แซวว่า ไมค์ใกล้จะเป็นง่อยแล้ว (ห้าห้าห้า)



วันไหนคุณชายเค้านอนดึก อิชั้นก็พาลดึกไปด้วย

เพราะเราเป็นคนที่ เสียงอะไรนิดอะไรหน่อย เราจะตื่นง่าย

ยิ่งถ้าหลับไปแล้ว แต่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงอื่น ๆ จะอารมณ์เสียสุด ๆ

ดังนั้น การนอนพร้อมกัน คือดีที่สุด



มีอยู่ช่วงนึง เราจะคั้นน้ำส้มให้คุณชายดื่มก่อนนอนด้วย วันละ 1 แก้ว

แต่ คั้นไปได้แค่ 2-3 วัน ก็ไม่สบาย เลยหยุดคั้นไป

หลังจากหายไม่สบาย ก็อารมณ์แปรปรวณ ร้องห่มร้องไห้ อาละวาดคุณชาย

จนปัจจุบันวันนี้ ก็ยังไม่ได้คั้นน้ำส้มให้อีกเลย (เอิ๊ก ๆ)


อารมณ์แปรปรวน ร้องห่มร้องไห้ของเรา หม่าม๊าไมค์บอกว่า น่าจะเกิดจาก เรายังปรับตัวไม่ได้

ร้องไห้กับหม่าม๊าตอนเที่ยงคืนตีหนึ่ง พอวันรุ่งขึ้นก็อาละวาดคุณชาย (อิอิ)



ตอนนี้ ... พอได้อาละวาด มันเหมือนได้ปลดปล่อย โล่ง สบายตูด เอ๊ย ไม่ใช่

โล่ง สบายใจ ตอนนี้ หายเป็นปกติละ

เดี๋ยวพรุ่งนี้ คั้นน้ำส้มให้กินใหม่น๊า ... จุ๊บ ๆ




.....

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วันนี้ "ป่วงเซียง" ขอลูกแฝด ^^



09-11-2018


วันนี้ ที่หน้าร้าน มีงานศาลเจ้าวันสุดท้าย

เรากับไมค์มาแต่เช้า เพื่อรอ "ป่วงเซียง"


"ป่วงเซียง" คือ การแสดงความเคารพต่อเทพเจ้า




เรากับไมค์ยังไม่มีลูก

ป่ะป๊า-หม่าม๊า จึงให้เรารับไท้จื้อเอี๊ยะ

ส่วนไมค์ รับหมวกจอหงวน




แล้วขอพรให้มีลูก ให้ได้เด็กฝาแฝดผู้ชาย สมดังที่ตั้งใจ




คนจีน มีความเชื่อว่า

หากใครยังไม่มีลูก การไปรับตุ๊กตาเด็กนั้น จะช่วยทำให้มีลูกได้

ส่วนหมวกจอหงวน จะช่วยให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน








และป่ะป๊ายังบอกอีกว่า ...

ถ้าเราคลอดลูกเป็นฝาแฝดจริง ๆ ป๊ะป๊าจะปิดซอยที่ร้าน เลี้ยงโต๊ะจีนเลย :D


รูปสุดท้ายนี้ ป่ะป๊าบอกให้ทุกคนชูสองนิ้ว เพราะจะได้ฝาแฝด 2 คน


 

เห็นมั้ยเด็ก ๆ

มีแต่คนรอที่จะพบพวกหนู ... มาอยู่กับหม่าม๊าเร็ว ๆ น๊า ... `^^




…..